โรงแรมอินฟินิตี้ยินดีต้อนรับ

Pakhapoom Sarapat
2 min readAug 6, 2019

--

cover picture from the license-free gallery

อินฟินิตี้ (aleph naught) ที่ดูเหมือนว่ามันมีค่ามากแบบไม่มีที่สิ้นสุดอะไรแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีอินฟินิตี้อีกตัว (franktur c) ที่มีค่ามากกว่ามันซะอีก จนกลายเป็นว่าสรุปแล้วมันต้องมากเบอร์ไหนกันเวลาที่จินตนาการถึงความเป็นอินฟินิตี้

หรือจริงๆ แล้วเราไม่สามารถเข้าถึงความเป็นอินฟินิตี้ได้

ความมากมายของอินฟินิตี้นี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับ Hilbert เป็นอย่างมาก ด้วยความที่มันไม่มีขอบเขตทำให้ความมากนั้นเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยกลายเป็นว่าเมื่อคิดตามเหตุและผลของมันแล้วจะได้ผลลัพธ์บางอย่างที่มันขัดใจ ฝืนความรู้สึกเหลือเกินจนต้องระบายออกมาเป็นขัดขัดแย้ง (paradox) ที่มีชื่อว่า Hilbert’s paradox of the grand hotel

สำหรับเรื่องเล่าของโรงแรมสุดเฮี้ยนนี้ ให้เริ่มจินตนาการโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีห้องพักที่มากเป็นอินฟินิตี้และตอนนี้ก็ “เต็ม” หมดทุกห้องแล้วด้วย

อยู่ๆ ก็มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเดินหลงมาที่เค้าน์เตอร์เพื่อติดต่อเข้าพัก พนักงานกำลังจะบอกว่าห้องพักเต็ม แต่พอดีผู้จัดการเดินผ่านมาเลยบอกกับนักท่องเที่ยวคนนั้นว่า “ทางเรายังมีห้อง ‘ว่าง’ สำหรับคุณ”

พนักงานมองหน้าผู้จัดการด้วยความงุนงง ก็ไหนตอนแรกมันเต็มแล้วมันยังจะไปมีห้องว่างได้ยังไง

ผู้จัดการโชว์ของไปทำเรื่องย้ายแขกที่เข้ามาพักในโรงแรม

  • จากที่พักอยู่ห้องที่ 1 ให้ย้ายไปพักห้องที่ 2
  • จากที่พักอยู่ห้องที่ 2 ให้ย้ายไปพักห้องที่ 3
  • จากที่พักอยู่ห้องที่ 3 ให้ย้ายไปพักห้องที่ 4

ทำให้ในตอนนี้ห้องพักห้องที่ 1 ว่างแล้ว ก็ให้คนมาทำความสะอาดก่อนที่จะเชิญนักท่องเที่ยวคนนั้นเข้ามาพักในห้องแรกที่ว่างอยู่

ซึ่งมันว่างได้ยังไงทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันเต็มไม่ใช่หรอ!?

ด้วยการบริการอย่างเอาใจใส่ในระดับ 5 ดาว ทำให้โรงแรมแห่งนี้มีชื่อเสียงมากๆ มากจนทำให้ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่มอีกเป็นอินฟินิตี้ที่ต้องการเข้าพักที่โรงแรมนี้

พนักงานเห็นแขกมาเพียบแบบนี้แล้วแทบล้มทั้งยืน เลยไปเรียกผู้จัดการมาอีกรอบ แต่โชคดีเป็นของผู้จัดการที่ติดตามอ่านเพจ Almost Everywhere และได้อ่านบทความนี้เลยทำให้รู้ว่าเซตของจำนวนคู่ (E) และเซตของจำนวนคี่ (O) ต่างก็เป็น infinite sets ที่มีขนาดเท่ากันและดันมีขนาดเท่ากับเซตของจำนวนนับ (N) แต่ด้วยความที่จำนวนนับมันสามารถแบ่งออกเป็นจำนวนคู่และจำนวนคี่ก็เลยทำให้ผู้จัดการปิ๊งไอเดียว่าก็ให้แขกที่พักอยู่แล้ว ย้ายไปพักห้องที่เป็นเลขคู่แล้วให้แขกอีกอินฟินิตี้นี้เข้าไปพักห้องที่เป็นเลขคี่ โดยการ

  • ให้แขกที่พักห้องที่ 1 ย้ายไปพักห้องที่ 2
  • ให้แขกที่พักห้องที่ 2 ย้ายไปพักห้องที่ 4
  • ให้แขกที่พักห้องที่ 3 ย้ายไปพักห้องที่ 6

เลยกลายเป็นความซวยของพนักงานทำความสะอาดที่ต้องเคลียร์ห้องเป็นจำนวนอินฟินิตี้ให้ทันก่อนที่แขกล็อตใหม่จะเช็คอิน แต่เพียงเท่านี้ก็จะได้ห้องว่างที่เป็นห้องเลขคี่อีกเป็นจำนวนอินฟินิตี้ไว้รองรับนักท่องเที่ยวครั้งนี้ได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะดูเหมือนว่าเต็มแล้วก็ตาม

แต่ยังไม่ทันได้นั่งพัก พนักงานเหลือบไปเห็นฝูงรถบัสอีกเป็นจำนวนอินฟินิตี้ที่คราวนี้รถแต่ละคนบรรจุคนเป็นอินฟินิตี้เช่นกันด้วย และทุกคันกำลังมุ่งหน้ามายังโรงแรม!

หากคุณเป็นผู้จัดการโรงแรมจะรับมือยังไง

อาจหยุดเพื่อคิดก่อนเลื่อนอ่านเนื้อหาในส่วนถัดไป

ด้วยเกียรติของโรงแรมที่ต้องรักษาไว้ ผู้จัดการใช้ความคิดอย่างหนัก เนื่องจากว่าบทความในเพจยังไม่ได้เขียนถึงเรื่องนี้ แต่ยังดีที่พอจะจำคุณสมบัติบางอย่างของจำนวนเฉพาะได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคุณสมบัติที่เรียกว่า fundamental theorem of arithmetic ที่ค้นพบโดย Carl Friedrich Gauss ว่า

จำนวนเต็มบวกทุกจำนวนที่มากกว่า 1 สามารถเขียนให้อยู่ในรูปของจำนวนเฉพาะหรือผลคูณของจำนวนเฉพาะได้ (และได้แบบเดียวเท่านั้นถ้าไม่คิดเรื่องการสลับที่ของการคูณ)

ทำไมต้องมากกว่า 1 ทำไมถึงเป็น 1 ไม่ได้ (เดี่ยวเพิ่ม link ทีหลัง)

ในความหมายนี้คือ สมมติมีเลข 15 จะสามารถเขียนให้อยู่ในรูปของการคูณของจำนวนเฉพาะได้เป็น 15 = 3 × 5 แต่บางคนอาจบอกว่า 15 = 5 × 3 ก็ได้ ซึ่งเอาจริงแล้วมันก็ใช้เลข 3 และ 5 เหมือนกัน แต่แค่สลับที่กันเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าตัดเรื่องการสลับที่ออกไป จะได้ว่ามันมีแบบนี้แบบเดียวเท่านั้น ในการเปลี่ยนเลข 15 ให้อยู่ในรูปของการคูณกันของจำนวนเฉพาะ

และจากความจริงที่ Euclid บอกว่าจำนวนเฉพาะมีอยู่มากมายเป็นอินฟินิตี้เลย ทำให้ผู้จัดการสามารถจัดห้องพักจากที่ “เต็ม” ให้ “ว่าง” ได้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีจากรถบัสอินฟินิตี้คันและแต่ละคันมีอินฟินิตี้คนด้วย โดยอาจให้แขกที่พักอยู่ก่อนแล้วย้ายไปพักในห้องที่มีเลขห้องเป็น 2 ยกกำลังด้วยเลขห้องเดิม หมายความว่า

  • จากเดิมที่อยู่ห้องที่ 1 จะย้ายไปอยู่ห้องที่ 2¹ = 2
  • จากเดิมที่อยู่ห่างที่ 2 จะย้ายไปอยู่ห้องที่ 2² = 4
  • จากเดิมอยู่ห้องที่ 3 จะย้ายไปอยู่ห้องที่ 2³ = 8

เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ความเป็นอินฟินิตี้ของจำนวนห้องพักจะสื่อผ่านเลขชี้กำลังที่เพิ่มไปเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้ห้องพักอื่นๆ ที่มีเลขห้องที่ไม่ได้เป็นเลขยกกำลังของ 2 จะว่างอยู่เต็มไปหมดเลย จึงให้นักท่องเที่ยวที่มาใหม่ไปพักในห้องพักที่มีตัวฐาน (base) เป็นจำนวนเฉพาะตัวอื่นที่ยกกำลังด้วยค่าของหมายเลขที่นั่งในรถบัส

ยกตัวอย่างเช่น รถบัสคับที่ 1 นักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ที่

  • ที่นั่งหมายเลข 1 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 5¹ = 5
  • ที่นั่งหมายเลข 2 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 5² = 25
  • ที่นั่งหมายเลข 3 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 5³ = 125

ในทำนองเดียวกันกับรถคันอื่นๆ โดยใช้ตัวฐานเป็นจำนวนเฉพาะตัวถัดมา คือ 7 นั่นคือ นักท่องเที่ยวบนรถบัสคันที่ 2

  • ที่นั่งหมายเลข 1 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 7¹ = 7
  • ที่นั่งหมายเลข 2 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 7² = 49
  • ที่นั่งหมายเลข 3 จะให้ไปพักที่ห้องเลขที่ 7³ = 343

และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะด้วยความเป็นอินฟินิตี้ของจำนวนเฉพาะเลยสามารถรองรับความเป็นอินฟินิตี้ของรถบัสได้ และใช้เลขชี้กำลังในการแสดงถึงความเป็นอินฟินิตี้ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เป็นอินฟินิตี้ในแต่ละคัน นั่นหมายความว่าต่อให้มาเป็นอินฟินิตี้แค่ไหน จากห้องพักที่เต็มนี้ก็สามารถจัดการตัวเองใหม่ให้ว่างได้เสมอ

ความเป็นอินฟินิตี้ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นจริงได้แค่อินฟินิตี้ที่ countable เท่านั้นหรือก็คืออินฟินิตี้ที่มีขนาดเป็น aleph naught

คำว่า countable อาจสร้างความสับสนได้เหมือนกันว่า อ่าวเราสามารถนับความเป็นอินฟินิตี้ได้หรอ แต่จริงๆ แล้ว เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพียงแต่มันสามารถหาการจับคู่ที่ดีไปยังเซตของจำนวนนวนนับได้เท่านั้น

หากลองเปลี่ยนความเป็นอินฟินิตี้ในโรงแรมนี้ให้เป็นอินฟินิตี้ทีมีขนาดเป็น franktur c ภาพของความเป็นอินฟินิตี้จะหายไปในทันที เพราะเราไม่สามารถหาห้องพักให้กับนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ในที่นั่ง -3.14 ให้เข้าพักในห้องที่มีเลขห้องเป็นจำนวนเต็มได้เลย

มันเลยกลายเป็นว่าอินฟินิตี้มันเยอะเกินไป เราไม่สามารถเข้าใจได้หรอก แต่ Cantor (มาอีกแล้วหรอพี่) ก็ไม่ยอมแพ้ เลยสร้างวิธีการคำนวณตัวเลขอินฟินิตี้พวกนี้ ซึ่งเรียกว่า arithmetic of transfinite numbers เช่น

  • เมื่อนำค่า finite สักค่าอย่างเลข 1 ไปบวกกับ aleph naught ผลที่ออกมาคือ aleph naught (ตอนที่มีแขกเพิ่มมา 1 คน)
  • เมื่อนำค่า finite สักค่าอย่างเลข 2 ไปคูณกับ aleph naught ผลที่ออกมาก็กลายเป็น aleph naught (ตอนที่มีแขกเพิ่มมาเป็นอินฟินิตี้)
  • เมื่อนำ aleph naught มาคูณกันเอง หรือก็คือการยกกำลังสอง จะได้ aleph naught (ตอนที่มีรถบัสอินฟินิตี้คันที่มีอินฟินิตี้คน)

เลยกลายเป็นว่าถ้าเราจะเอาความเป็นอินฟินิตี้มาบวกลบคูณหารมันก็ดูเหมือนว่าจะมีขนาดเท่าเดิม คำถามคือจะมีวิธีไหนบ้างที่สามารถเพิ่มความเป็นอินฟินิตี้ได้ ..มาต่อบทความหน้าครับ

ปล. เค้าว่ากันว่าจริงๆ แล้วแนวคิดของ infinite hotel นี้ไม่ได้มาจาก Hilbert แต่เจ้าของความคิดนี้คือ George Gamow ต่างหาก

ปล2. สามารถติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ Almost Everywhere ครับ

Sign up to discover human stories that deepen your understanding of the world.

Free

Distraction-free reading. No ads.

Organize your knowledge with lists and highlights.

Tell your story. Find your audience.

Membership

Read member-only stories

Support writers you read most

Earn money for your writing

Listen to audio narrations

Read offline with the Medium app

--

--

No responses yet

Write a response